วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สถานที่ที่น่ากลัวที่สุด


     เป็นสุสานใต้ดินเก่าแก่ตั้งอยู่ในใต้อารามนักบวชคาปูชิน แห่งโบสถ์ฟรานซิสกัน ของคริสต์ศาสนานิกายคาทอลิก ที่เมืองปาร์เลอโม เกาะซิซิลี ที่นี้มีซากมัมมี่กองเต็มไปหมด จะเป็นชุมชนแออัดอยู่แล้ว ถึงขนาดที่บางศพที่มาทีหลัง ไม่มีที่ให้ยืนสบายๆ ต้องถูกแขวนไว้กับตะขอบนผนัง และถ้าเดินเข้าไปก็จะเจอแต่ศพนั่ง.....นอน...... ยืน...... และเดิน เอ๊ย เดินไม่มี บางตัวละยังคงสวมเครื่องแต่งกายเหมือนเมื่อครั้งยังมีชีวิตด้วย มีมัมมี่เด็กด้วยนะ เป็นผู้หญิงอายุ 8 ขวบชื่อโรซาเลีย ลอมบาร์โด (ROSALIA LOMBARDO) ที่ดองไว้ 70 - 80 ปีแล้วด้วย หน้าตายัง น่ารักเหมือนคนนอนหลับเลย สถานที่นี้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว (จะมีคนไปเหรอ) จำกัดเวลาครับ อยากไปต้องลองถามไถ่ดูละกัน


อันดับ 9 อุโมงค์ที่ฝรั่งเศส กรุงปารีส (Pont de L'Alma)


     สถานที่เจ้าหญิงไดอาน่าประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2540 และยังคงเป็นปริศนาค้างคาใจคนทั้งโลกว่าอุบัติเหตุหรือ ถูกฆาตกรรม เพราะในคืนที่เกิดโศกนาฏกรรม มีการเปลี่ยนเส้นทางรถยนต์ไปยังอุโมงค์ Pont de L'Alma อย่างไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่จุดหมายเดิม คือการเดินทางไปยังอพาร์ตเมนต์ของฝ่ายชาย และทำไมวิทยุสื่อสารของตำรวจในกรุงปารีส ไม่สามารถใช้การได้โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่รถยนต์ พระที่นั่งของเจ้าหญิงเดินทางเข้าสู่อุโมงค์ จนเกิดเหตุร้าย และไม่สามารถติดต่อสื่อสารเพื่อขอรับการช่วยเหลือ เพื่อรักษาพระชนม์ชีพของพระองค์ ได้อย่างทันท่วงที เป็นความบังเอิญจริงหรือ? ใครๆ ที่ไปเที่ยวที่อุโมงค์ฝรั่งเศสแล้ว ใครๆ ก็ว่าบรรยากาศมันน่ากลัว


อันดับ 8 เทือกเขาร็อกกี้ โคโลราโด (Colorado Rockies)

    ที่สยองคือภูเขานี้เกิดคดีฆาตกรรมขึ้น เป็นเรื่องของมนุษย์กินคน ที่ไม่ใช่คนป่า ปี 1874 ในฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัด คณะนักสำรวจหกคน ได้ขุดอุโมงค์ในหุบเขาโคโลราโด ต่อมาอุโมงค์เกิดถล่ม การสื่อสารถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และต่อมา ฤดูใบไม้ผลิมีเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอด กลับมาจากหุบเขาโคโลราโด อยู่ในสภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี เขาคนนี้มีนามว่าอัลเฟร์ด แพคเกอร์ และเมื่อเขาออกมาก็ถูกจับ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากินเพื่อนของเขาสองคนเพื่อมีชีวิตรอด เพราะอาหารหมดและเพื่อนก็ตายไปทีละคนทีละคน เขาเลยอดใจไม่ไหวกินเป็นอาหารเสียเลย


อันดับ 7 หมู่เกาะปาปัวนิวกินี (Papua New Guinea)

 

     ปาปัวนิวกินีเป็นเกาะอยู่ทางเหนือ ของทวีปออสเตรเลีย ประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆมากกว่า 700 เผ่า แต่ละเผ่าต่างคนต่างอยู่ การเดินทาง ไปมาหาสู่กันลำบากมาก เพราะพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน และใครอยากเห็นมนุษย์กินคนก็ต้องเข้าไปลึกหน่อยนะ โชคดีอาจไปทันตอน คืนพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะ และกินซุปเนื้อมนุษย์ วิธีปรุงอาหารรายการนี้ง่ายมาก นำน้ำใส่หม้อดินขนาดใหญ่ ต้มให้เดือด บั่นศพมนุษย์ที่ตายทั้งสองฝ่ายให้มีขนาดที่จะใส่ในหม้อนั้นได้ใส่ลงในหม้อ นำผักชนิดต่างๆ รวมทั้งมันและเผือกใส่รวมลงไปด้วย ต้มจนสุกและเปื่อยดีแล้วก็ตักออก มากินกัน ส่วนคนที่ยังไม่ตายก็มัดไว้ก่อนและค่อยๆ ฆ่าให้ตาย นำมาปรุงเป็นอาหาร กินเลี้ยงกันในคืนต่อๆ มารองเท้าหนัง ถุงเท้า ตลอดจน เสื้อผ้า ก็ถูกนำมาต้มจนเปื่อย และกินจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน สำหรับหัวกะโหลกเก็บไว้ เป็นเครื่องประดับตามบ้านเรือนสวยงามมากแต่ปัจจุบันใครไปอาจ อดเจอซุปเนื้อคน เพราะตอนนี้เขาเลิกแล้ว เพราะกฎหมายออกมาว่า ห้ามกินเนื้อคนไม่ว่าศัตรูหรือนักท่องเที่ยว!


อันดับ 6 โรงงานนรก "ค่ายเอาชวิตซ์" (Auschwitz)



     สยองที่สุด ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กับ "ค่ายเอาชวิตซ์" (Auschwitz) ที่ใกล้เมืองเอาชวิตซิน โดยค่ายนี้ สร้างขึ้นเพื่อสังหารชาวยิว ด้วยการรมแก๊สพิษและเผาในเตาเผา โดยมีเหยื่อที่โดนถึง 1 ล้านสองแสนคน จากที่ต่างๆ ทั่วยุโรป จำนวน 22 ล้านคน ไปที่ค่าย โดยขนไปทางรถยนต์ รถไฟ และเรือเดินสมุทร และปัจจุบันสภาพยังเหมือนเดิมทุกประการ ไม่ว่าเตารมแก๊ส เตาเผา ค่ายพัก คุก มีกลิ่นแห่งความตายติดมาด้วย พร้อมกับความวังเวง เมื่อท่านไปก็อาจเจอผีชาวยิวที่ไม่ไปเกิดอีก ได้สองเด้งเลย!!! ปัจจุบันเอาชวิตซ์เป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีนักท่องเที่ยวสนใจมากที่สุด แห่งหนึ่งของ โปแลนด์ ซึ่งพยายามรักษาสภาพ เอาชวิตซ์ ให้ใกล้เคียง สภาพเดิมให้มากที่สุด


อันดับ 5 ปอมเปอี (Pompei)


     ปอมเปอีเมืองเก่าสมัยกลาง ตั้งอยู่บริเวณภาคใต้ของคาบสมุทรอิตาลี ริมอ่าวเนเปิล เมืองนี้เป็นชุมชนขึ้นมาก่อนคริสต์ศักราช โดยอยู่ใต้อิทธิพล ของกรีก ต่อมาราว 80 ปีก่อนคริสตกาล กลายเป็นเมืองตากอากาศฤดูร้อน ของชาวโรมันหลังตกเป็นอาณานิคมของอาณาจักรโรมัน กระทั่ง ถูกภูเขาไฟ ระเบิดถล่มทั้งเมือง ตอนนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สยองขวัญมาก เค้าหล่อรูปคนตายในท่าที่ถูกลาวาทับไว้ ก็เลยเป็นสถานที่แสดงท่าหนีตายของชาวเมืองไปเพราะปอมเปเอียน และสัตว์เลี้ยงแข็งเป็นหินคงสภาพเกือบทุกประการ รวมถึงความหวาดกลัวต่อความตาย ที่ยังตราติดอยู่บนดวงหน้าบางซากนั่งเอามือปิดหน้า บางซากซบอยู่กับกำแพง ปอมเปอีจึงได้อีกชื่อว่า "ซากเมืองแห่งความตาย" ปัจจุบันเมืองโบราณปอมเปอีได้รับการฟื้นฟู องค์การยูเนสโก้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1997


อันดับ 4 คุก และหอคอยลอนดอน (Tower of London)



     หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ สถานที่เกิดเหตุแห่งประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ยาวนานกว่า 900 ปี นองเลือด ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เคยเป็นป้อมปราการ, ปราสาทราชวัง, คุก แดนประหาร เป็นสถานที่ตัดหัวของแอนน์ โบลีน พระสนมในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ที่ทุกวันนี้วันดีคืนดียังมีคนเห็นแอนน์ โบลีน ถือหัวและร้องครวญอย่างทรมาน ไม่รวมกับอีกหลายวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในหอคอยแห่งนี้ซึ่งมักจะส่งเสียงร้องขอชีวิต หรือเสียงลากโซ่ ตรวนให้ผู้คนได้ยิน และปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ จึงทำให้ที่นี่ยังคงโด่งดังเรื่องความหลอนตลอดกาล ปัจจุบันหอคอยลอนดอนเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารและหอคอยหลายหลัง ที่เก็บเครื่องมือทรมาน และเครื่องมือประหารนักโทษแบบโหดๆ ของยุคกลาง และมีอีกาดำด้วย ดูแล้วก็น่ากลัวจริงๆแหละ


อันดับ 3 ปราสาทของวลาด ดารคู ทรานซิลวาเนีย โรมาเนีย


     ปราสาทที่เป็นแหล่งที่มาของนิยายผีดูดเลือด แดรกคิวล่า ที่ว่าน่ากลัว คือเจ้าชายจอมเสียบ วลาด ดารคูลา ผู้เป็นเจ้าของปราสาท แกชอบจับเอา เหล่าเชลยมาเสียบด้วยไม้แหลมจากก้น จนทะลุขึ้นไปซีกบน แล้วก็เอามานั่งเรียงรายกันไปในบริเวณกว้างๆ เช่น กำแพงเมือง หรือ สนามหญ้าใหญ่ๆ วันไหนครึ้มอกครึ้มใจ เขาก็จะนั่งดินเนอร์ดูการประหารด้วยวิธีนี้เสียตรงนั้นเลย...อืมอร่อย ส่วนปราสาท ปัจจุบันยังอยู่ครับ แต่มันทำไมอยู่สูงจัง ใครจะไปก็อดทนหน่อยล่ะ ปีนขึ้นไปดูเอง (ล้อเล่น เขาทำบันไดให้ปีนแล้วจ้า)


อันดับ 2 อัลคาแทรซ, ซานฟรานซิสโก (Alcatraz)


     นี่คือคุกที่มีชื่อเสียงที่สุดของอเมริกา อัลคาแทรซ (Alcatraz) สถานที่คุมขัง อัลคาโปน เจ้าพ่อชื่อดัง และภายในคุกสยอง วังเวงจริงๆ และได้ฉายา ว่าเดอะร็อก เป็นคุกที่ไม่มีใครแหกสำเร็จ ถึงแม้จะมีนักโทษพยายามใช้ของชิ้นเล็กๆ ตัดซี่กรงเหล็กและแอบว่ายน้ำหนีออกไป แต่ก็ไม่ปรากฏว่า เขามีชีวิตรอดไปได้ นักโทษหลายคนตายในห้องขังที่นี่ ส่วนหนึ่งตายเพราะบาดแผลติดเชื้อ และนี่เองเป็นที่มาของเสียงประหลาดมากมาย เช่น เสียงตัดเหล็ก เสียงปิดประตูห้องขัง เสียงหวีดร้องจากใต้ดิน และความรู้สึกถูกจ้องมอง ปัจจุบันคุกนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว สามารถค้างคืนได้ด้วยนะจะบอกให้


อันดับ 1 อนุสรณ์สถานแห่งคิลลิ่ง ฟิลด์(Killing Field)



     ใครจะว่าไงไม่รู้ แต่ยกให้สถานที่นี้คือสุดยอดที่สุดแล้ว เพราะมันอยู่ใกล้บ้านเรา กัมพูชาเองจ้า เลิกซะทีเถอะข้ามพรมแดนไปเล่นการพนัน หันมา รู้ประวัติศาสตร์ที่แสนโหดร้ายกันบ้าง โดยสถานที่นี้เป็นอนุสรณ์รำลึกความโหดร้าย ในยุคเขมรแดงที่นำโดยเฮียพอลพต ที่สั่งฆ่าชาวเขมรนับล้านศพมากมายนับไม่ถ้วน จนกลายเป็นกะโหลกไร้ญาติ (ไม่สามารถระบุได้ว่าคนตายเป็นใคร) ได้ถูกนำมารวมไว้ที่นี้ และมีรูปผู้ตายนับล้านให้ดูไว้ให้สงสารวันดีคืนดีบางคืนอาจได้ยินเสียงกะโหลกร้องระงม ฟังแล้วได้บรรยากาศมาก อีกที่ก็ ตุล สาเลช คุกเถื่อนซึ่งในอดีต เป็นโรงเรียนมัธยม ที่นั้นมีคนมาถูกฆ่าไม่เว้นวัน และบางรายถูกนำมาทรมานเยี่ยงสัตว์ ก่อนตายอย่างสยอง

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

รูปภาพผี


ผีถ้วยแก้ว เป็นการละเล่นโบราณอย่างหนึ่งตามความเชื่อส่วนบุคคล โดยเชื่อว่าเป็นการอัญเชิญวิญญาณ (หรือผี) มาสถิตในถ้วยแก้ว แล้วสอบถามเรื่องราวต่างๆ กับวิญญาณนั้นตามแต่จุดประสงค์ของผู้เล่น ผู้เล่นจะทราบคำตอบของคำถาม จากการเคลื่อนที่ของถ้วยแก้วไปบนตัวอักษรที่เขียนเอาไว้บนแผ่นกระดาษ

[แก้] ประวัติ

ในคำสอนตามคำภีร์ทางพระพุทธศาสนา กล่าวว่าจิตของมนุษย์นั้นจะทำงานอยู่ตลอดเวลา ในเวลาที่เราคิดเรื่องใดๆ ก็ตาม จะมีกระแสจิตกระจายออกมารอบๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ทำสมาธิจนสำเร็จฌาน สมาบัติ หรือได้สำเร็จวิชา "เจโตปริยญาณ" (หยั่งรู้วาระจิต) จะสามารถรับรู้กระแสความคิดของคนทุกคนได้ ซึ่งธรรมชาติของกระแสความคิดนี้มีทั้งในมนุษย์และสัตว์ทั่วไปด้วย ผู้ที่รับรู้กระแสความคิดของมนุษย์ได้นี้ นอกจากผู้ได้สำเร็จวิชาเจโตปริยญาณแล้ว ก็ยังมีพวกเทพ เทวดา ต่างๆ ด้วย รวมไปถึงพวกวิญญาณทั้งหลาย ที่ยังเร่ร่อนอยู่ในมิติที่ละเอียด ซึ่งตาของมนุษย์ธรรมดาจะไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งพวกเหล่านี้จะสามารถรับรู้กระแสความคิดของมนุษย์ได้เช่นกัน
เป็นที่น่าสังเกตว่า สายตา และอวัยวะสัมผัสต่างๆ ของมนุษย์นั้น มีความสามารถน้อยมากเมื่อเทียบกับสัตว์เดรัจฉาน ยกตัวอย่างเช่น นกเหยี่ยวในเวลาอยู่ในที่สูง จะสามารถมองเห็นลูกหนูตัวเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปถึง 1 กิโลเมตร ได้ แต่ถ้าให้คนอยู่ในที่สูงแล้วมองอย่างนั้นบ้างก็จะไม่สามารถมองเห็นแต่อย่างใด , หรือเช่น สุนัข จะสามารถได้ยินเสียงที่เป็นคลื่นความถี่ต่ำมากๆ ได้ ในขณะที่หูของมนุษย์จะไม่ได้ยินแต่อย่างใด , จมูกดมกลิ่นของสุนัขก็สามารถได้กลิ่นที่แม้เจือจางเพียงบางเบาในอากาศได้ แต่จมูกของมนุษย์จะไม่สามารถทำได้เช่นกัน จะเห็นได้ว่าอายตนะสัมผัสของมนุษย์นั้น มีความสามารถน้อยมากๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คนทั่วไปส่วนใหญ่จึงไม่เชื่อว่ามีพวกกายละเอียด เพราะไม่สามารถมองเห็นผู้ที่อยู่ในภพภูมิอื่นๆ ซึ่งมีกายอันละเอียด เช่น พวกวิญญาณ หรือพวกกายทิพย์ เหล่านี้ได้ นอกจากว่าจะเกิดมีกรณีพิเศษอื่นๆ เช่น พวกกายละเอียดเหล่านั้นต้องการจะแสดงร่างให้เห็น เป็นต้นฯ

[แก้] อุปกรณ์

อุปกรณ์ที่สำคัญมีเพียงแผ่นกระดาษหรือแผ่นไม้ ที่แบ่งเป็นช่องตารางสี่เหลี่ยมหรือวงกลม แล้วเขียนตัวอักษรหรือตัวเลขลงไปให้ครบถ้วน พร้อมทั้งถ้วยแก้วหรือภาชนะอย่างอื่นที่คล้ายกัน บ้างก็ใช้เหรียญแทนถ้วยแก้ว เรียกว่า ผีเหรียญ นอกเหนือจากนี้ก็อาจเตรียมเครื่องเซ่น และธูป 1 ดอกเป็นส่วนประกอบ

[แก้] วิธีการเล่น

ก่อนเล่นจะต้องมีการอัญเชิญวิญญาณมาเข้าในถ้วย ผู้ที่เล่นต้องตั้งจิตเป็นสมาธิ เอานิ้วชี้แตะรวมกันไว้บนถ้วยแก้วที่คว่ำลง แล้วถามคำถามจากวิญญาณที่เชิญมาเข้าในถ้วย วิญญาณจะบังคับถ้วยแก้วให้เดินไปตามอักษรแต่ละตัว แล้วผสมออกมาเป็นคำเพื่อถอดความหมาย
การเล่นผีถ้วยแก้วมีข้อควรระวังคือ ห้ามนำมือออกจากถ้วยแก้วก่อนส่งวิญญาณกลับ มิฉะนั้นจะถูกวิญญาณทำร้ายหรือเข้าสิง

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ผีคือ

ผีคืออะไร?
-: ผีคือวิญญาณที่หลุดออกจากร่างของคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งบางครั้งเขาก็มีเหตุผลที่จะอยากอยู่ต่อไปแม้จะตายก็ตาม. มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคลในเรื่องของชีวิตหลังความตาย พลังงานที่เป็นวิญญาณนั้นไม่ได้ถูกทำลายเมื่อเขาตายลง แต่ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบไป. พลังงานนี้สามารถตรวจจับได้โดยเครื่อง EMF Meter ที่จะสามารถวัดพลังงานแม่เหล็กได้.
ตั้งแต่เราสามารถวัดค่าพลังงานจากสิ่งนี้ได้ เราก็รู้ว่าผีมีอยู่จริง ไม่ได้เป็นสิ่งที่กุขึ้นหรือคิดไปเอง.


ควรจะกลัวผีดีมั้ย?
-: ต้องถามตัวคุณเองว่าคุณกลัวคนรึปล่าว, มันคงไม่น่ากลัว. ผีบางตัวอาจจะต้องการความช่วยเหลือ
เมื่อผีมาหลอกคุณ มันอาจจะต้องการทดสอบว่าคุณน่าไว้ใจได้แค่ไหน. จะช่วยเหลือได้หรือเปล่า หรือ
ตัดสินว่ามันคือสิ่งชั่วร้าย,ปีศาจ. ถ้าคุณลองพิจารณาและกล้าๆ ดูสักนิด เขาจะเริ่มเชื่อใจคุณ และคุณ
จะสามารถช่วยเหลือผีให้ไปสู่ความสุขได้. ผีก็คือชีวิตที่อยู่หลังความตาย เป็นคนที่ยังอยู่ แม้ตัวเขาจะ
ถูกเรียกว่าตายไปแล้วก็ตาม.


วิธีเห็นผี
  






1.ก้มมองลอดหว่างขา

2.เล่นผีถ้วยแก้ว

3.กางร่มในที่ร่ม

4.เคาะถ้วยชามตรงทาง3แยก4แยก

5.สลับม่านตากับคนตาย

6.เอาดินฝังศพมาทาตา

7.เอาชุดที่มีคนตายมาใส่แล้วเล่นแกล้งตาย   (เล่นแกล้งตาย.....เล่นยังไงเนี๊ยะ)

8.เมื่อคนท้องฆ่าตัวตายให้ยืนมอง   (-_-คัยมันจะไปไม่มองล่ะ)

9.อุ้มแมวดำเล่นซ่อนหา

10.หวีผมหน้ากระจก

11.เคาะประตูห้องน้ำตอนตี2           (ผีฮานาโกะ)

12.มองเงาตัวเองในน้ำของชักโครกตอนเที่ยงคืนถึงตี3  จะเห็นหน้าของตัวเองตอนแก่  หากว่าเห็นเป็นหน้าของตัวเองตอนปัจจุบันคล้ายคนป่วยล่ะก้อ....

13.ตอนเที่ยงคืนตรงให้ไปส่องกระจกที่มี3ด้าน  

14.หลังจากสระผมสบัดผม10ทีวิญญาณจะมาปรากฎตรงหน้า

15.นำน้ำตาของสุนัขมาป้ายตา

16.คนท้องและเด็กจะเห็นผีง่ายมากๆ

17.ไปนอนบนที่นอนคนตาย

18.ตัดเล็บตอนกลางคืน

19.ใช้2คนคนหนึ่งคาบธูปคนหนึ่งถือธูปคนที่คาบธูปไปนอนตรงที่คนตาย

20.ดีดลูกคิดตอนกลางคืน   ป.ล. เมื่อเห็นแล้วห้ามนำลูกคิดนั้นมาใช้อีก

21.เอามุ้งคลุมหัวตอนกลางคืน

22.ใสเสื้อกลับข้าง   (บางคนบอกว่าให้นั่งห้อยหัวด้วยแต่คนแก่เถ้าเขาไม่ได้บอกน่ะ)

23.แหงนหน้ามองตรงบันไดตอนกลางคืน

24.นับขั้นบันใดที่ ร.ร ให้จ้องมองแต่ขั้นบันใดแล้วจำให้ดีว่ารอบแรกเรานับได้กี่ขั้น

25.นั่งอุทิศส่วนกุศลด้วยความตั้งใจจริง  แล้วเขาจะมาขอส่วนบุญ

26.สวมพระกลับหลัง

27.หันหลังให้กระจกแล้วกลืนน้ำลายแล้วหันมามองกระจก

28.เล่นกีฬาคนเดียวตอนกลางคืน

29.เปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้(เบาก่ะพอ)ตอนกลางคืนแล้วพอดึหน่อยค่อยออกมาดูจะเห็นว่ามันไม่ใช้น้ำที่ไหลออกมา

30.หากไปนั่งอุจระตอนตี2ล่ะก็จะมีมือสีแดงๆโผล่ออกมาจากโถส้วม  ว่ากันว่าถ้ามือนั้นสัมพัสที่ใดที่บาดเจ็บหรือมีอาการป่วยอยู่ก็จะหายทันที    แต่....เป็นคงไม่กล้าหรอกไหนจะเปงอะไรก็ก็ไม่รู้ซ้ำยังออกมาจากโถส้วมอีก

                เอ้า30ข้อ   พอเป็นพีธี         ไว้ว่างๆจะมาหาเพิ่มหรือใครมีเพิ่มอีกก็บอกกัลด้วยนะ      ง่าสทำอะไรเกียวกับผีทีไรรู้สึกสดชื่นขึ้มมาทันทีอิๆ